ขายอะไรดี? ทำอะไรขายดี ค้าขายอะไรดี ลงทุนน้อยกำไรดี คำถามยอดฮิตในปี 2021 ค้นหาไอเดียทำเงินได้ที่นี่

เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นมีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดี ซึ่งช่วงที่ไม่ดีอาจจะมีมากกว่าเนื่องจากปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลงแปรผันอยู่ตลอดเวลา ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองของต่างประเทศ จนส่งผลให้ปัจจัยภายในได้รับผลกระทบและต่อเนื่องมาถึงเศรษฐกิจ ทำให้ค้าขายได้ยากขึ้นขาดทุนมากขึ้นสินค้าอุปโภคบริโภคราคาสูงขึ้นและผู้คนต่างประหยัดกันมากขึ้น

เรียกได้ว่าหลายคนเริ่มวิตกกังวลในธุรกิจหรืออาชีพที่ตนกำลังทำอยู่ว่าจะไปต่อได้หรือไม่ ซึ่งมีหลายธุรกิจที่ขาดทุนอย่างหนักจนต้องปิดตัวลงและบริษัทหรือโรงงานหลายแห่งก็จำต้องเลิกจ้างพนักงานหลายคนเพื่อให้กิจการได้ไปต่อได้อีกระยะหนึ่ง แต่หากสามารถกู้วิกฤตได้ ก็ถือว่าธุรกิจยังคงดำเนินการไปได้อีกนาน เพราะฉะนั้นความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในทุกธุรกิจและทุกอาชีพหลายคนจึงเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการหารายได้หรือบางคนอาจเลิกทำอาชีพหรือธุรกิจเดิม โดยใช้ทุนที่ยังมีอยู่แล้วสร้างธุรกิจขึ้นมาใหม่

การหารายได้เสริมหรือหาช่องทางในการทำมาหากินเพิ่มน่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนเลือกทำมากที่สุดในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ เพราะอาชีพหรือธุรกิจหลักยังคงทำอยู่ยังคงไปต่อได้หรืออีกกรณีหนึ่งมีความไม่แน่นนอนอาจไปต่อไม่ได้ในไม่ช้า ซึ่งก็ยังมีอีกช่องทางที่ยังสามารถหารายได้ได้อยู่นั่นก็คือ อาชีพเสริม แต่อาชีพเสริมในบทความนี้ ทางสยามอาชีพจะขอจำกัดในเรื่องของการขายสินค้าและของกิน ที่ทุกคนสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาและทำเป็นอาชีพเสริมได้ง่าย เราเชื่อว่าหลายท่านอาจจะกำลังคิดอยู่ว่าจะขายอะไรดี มีอะไรน่าลงทุนขายบ้างหรือมีงบประมาณเท่านี้ ขายอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะว่า สินค้าหรือของกินอะไรน่าขายและขายดี

ช่วงนี้ขายอะไรดี? เศรษฐกิจแบบนี้ขายอะไรดี ทำธุรกิจอะไรดี

ไอเดียอาชีพค้าขาย ลงทุนน้อย กำไรดี ขายอะไรดี

1. ข้าวไข่เจียว

เมนูยอดฮิตประจำทุกตลาดเลยก็ว่าได้ สำหรับข้าวไข่เจียวเพราะเป็นเมนูที่ทานง่ายทำง่าย ใช้เวลาไม่นานและที่สำคัญราคาถูก(ถูกกว่าอาหารตามสั่งทั่วไป) อีกทั้งปัจจุบัน หลายร้านมีทอปปิ้งให้เลือกหลากหลาย บางร้านก็มีมากกว่า 10 อย่างเลยทีเดียว ซึ่งลูกค้ายังสามารถเลือกใส่ทอปปิ้งได้แบบเต็มที่ไม่จำกัดอย่าง เรียกได้ว่าทั้งถูกปากและถูกใจลูกค้าเลยล่ะค่ะ จึงไม่แปลกที่ข้าวไข่เจียว จะกลายเป็นเมนูยอดฮิตที่ใครหลายๆคนก็อยากทำขาย ซึ่งบางตลาดก็มีร้านข้าวไข่เจียวถึงสองสามร้านเลยทีเดียวค่ะ

ต้นทุนข้าวไข่เจียวโดยประมาณ (เฉพาะวัตถุดิบ)

• ไข่ไก่เบอร์ 3 = 3 บาท/ฟอง
• ข้าวสวย = 2 บาท/จาน
• ทอปปิ้ง = 2 บาท/ 1 อย่าง
• น้ำมันพืช = 1 บาท
• ซอส = 1 บาท
• แก๊ส = 2 บาท
• กล่องข้าว / ช้อนพลาสติก / ถุงพลาสติก = 2 บาท

2. น้ำมะพร้าว

เรียกได้ว่าตอนนี้น้ำมะพร้าวนั้นเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของทุกตลาดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะนอกจากลูกค้าคนไทยแล้ว ลูกค้าชาวต่างชาติก็ติดใจไม่แพ้กัน เพราะน้ำมะพร้าวมีทั้งคุณประโยชน์มากมาย ทั้งความสดชื่น ความอร่อย รวมถึงเนื้อมะพร้าวที่มีความหวาน กรอบ นุ่ม ทานเพลินๆได้ดีทีเดียวค่ะ ไม่ใช่แค่ขายน้ำมะพร้าวสดอย่างเดียวนะคะ แต่ยังสามารถนำมาปั่นกับนมสด ใส่นมข้นหวาน นมจืดอีกนิด ก็ทำให้ได้ความอร่อย ความหวานไปอีกแบบด้วย

3. น้ำผลไม้ปั่น

นอกจากน้ำมะพร้าวที่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของตลาดแล้ว น้ำผลไม้ปั่นก็ฮิตไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งปัจจุบัน มีการนำผลไม้หลากชนิดมาผสมรวมกันให้เป็นสูตรต่างๆมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย อีกทั้งยังได้คุณประโยชน์จากผลไม้หลายชนิดในแก้วเดียวด้วย สำหรับใครที่สนใจจะขายน้ำผลไม้ปั่น อย่างน้อยควรมีเงินลงทุน 8,000-10,000 ค่ะ เพราะนอกจากผลไม้ชนิดต่างๆแล้ว ยังมีส่วนผสมอื่นๆอย่างโยเกิร์ต นมสด นมเปรี้ยว หรือพวกทอปปิ้งด้วย รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ และการตกแต่งร้าน ให้มีความโดดเด่น สะดุดตา ซึ่งรวมๆแล้ว คงต้องใช้เงินลงทุนพอสมควร

4. โรตี

หากจะขายโรตีในยุคนี้นั้นคงจะมีแค่โรตีธรรมดา ใส่ไข่ ใส่นม ใส่ลูกเกด หรือข้าวโพดอย่างเดียวไม่ได้แล้วเพราะโรตีสมัยนี้มีหลากหลายไส้และหลายทอปปิ้งมากๆค่ะ แม้แต่ตัวแป้งโรตีเอง ก็ยังมีทั้งรสธรรมดา รสใบเตย รสชาโคล รสเผือก เรียกได้ว่าโรตียุคนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ซึ่งหากคุณสนใจจะขาย คงจะต้องคิดเมนูที่หลากหลาย หรือรูปแบบที่แปลกแหวกแนวสำหรับโรตีไว้บ้าง หรือศึกษาไอเดียจากผู้อื่น และนำมาปรับ ปรุง ผสมใหม่ก็ได้เช่นกันค่ะ หรือสนใจจะซื้อแฟรนไชส์เลย ก็มีทั้ง นายหัวโรตีชาชัก, กูโรตีชาชัก, โรตีเอญ่า, โรตีโอ่ง เป็นต้น

5. เนื้อย่าง ไส้ย่าง

เนื้อย่าง ไส้ย่าง อาหารทานเล่นที่เหมาะสำหรับตลาดนัดช่วงกลางคืนมาก เพราะนอกจากจะอร่อย ทานง่าย ราคามิตรภาพแล้ว ยังเข้ากันดีกับพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมบรรยากาศชิวๆ นั่งดูดนตรีสด ฟังเพลงเพลินๆสบายๆ เหมาะมากเลยล่ะค่ะ และจะเห็นได้ว่าช่วงนี้เนื้อย่าง ไส้ย่างก็เป็นที่นิยมมากด้วย ใครจะลงทุนขายก็ถือเป็นแนวคิดที่ดีเลยค่ะ ซึ่งปัจจุบันมีเนื้อย่าง ไส้ย่าง ก็แฟรนไชส์มากมายให้เลือกลงทุน ซึ่งราคาเริ่มต้นแค่หลักพันเท่านั้นเองค่ะ คุ้มค่าคุ้มราคาคุ้มกำไรแน่นอน

6. ลูกชิ้นทอด/ปิ้ง

อาหารทานเล่น ที่ขายง่าย ขายดี และกำไรยังดีด้วย ซึ่งการลงทุนในการขายลูกชิ้นทอดหรือปิ้งนั้นก็ใช้เงินลงทุนไม่มากค่ะ เริ่มต้นหลักพันก็สามารถขายได้แล้ว หรือท่านสามารถเลือกซื้อแฟรนไชส์ลูกชิ้นได้ หากไม่ต้องการเริ่มต้นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นทิพย์ (ปิ้ง), ลูกชิ้นซูโม่ (ทอด), ลูกชิ้นแพนด้า (ทอด), ลูกชิ้นรสเด็ด (ปิ้ง), ลูกชิ้นไจแอนท์ (ทอด) เป็นต้น แต่นอกจากลูกชิ้นแล้ว น้ำจิ้มก็เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้ขายดีด้วยนะคะ

ต้นทุนลูกชิ้นปิ้งโดยประมาณ

• เคาเตอร์ขายของ/โต๊ะ 700-5,000 บาท
• เตาปิ้ง 500-1,500 บาท
• ตู้กระจก 750-1,000 บาท
• โหลน้ำจิ้ม 50- 300 บาท
• ช้อนตัก 25-80 บาท
• ไม้เสียบ 20 บาท
• ถุงร้อนใส 40 บาท
• ถุงหิ้ว 40 บาท (ขนาด 6×14)
• ค่าไส้กรอกลูกชิ้น+ ค่าน้ำจิ้ม 1,000 บาท

7. หม่าล่า

หม่าล่า อาหารที่มาแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในประเทศไทยมีจุดเริ่มต้นมาจากทางภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ซึ่งสิ่งที่ทำให้หม่าล่าได้รับความนิยมก็คงเป็นเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศนั่นเองค่ะ โดยนำซอสหม่าล่าที่มีรสชาติเผ็ดๆชาๆของเครื่องเทศนี้มาหมักกับพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ กุ้ง จากนั้นเสียบไม้ แล้วนำไปปิ้งค่ะ ส่วนผัก ก็แค่ทาซอสหม่าล่าและปิ้งเท่านั้นจะเห็นว่าวิธีทำไม่ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ ที่สำคัญคืออร่อย ทานง่าย ทานเพลิน พร้อมกับเดินเล่นได้ดีด้วยและปัจจุบันก็มีธุรกิจแฟรนไชส์หม่าล่าเกิดขึ้นมากมายอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น หม่าล่ากวนอู, หม่าล่า 5 เหรียญ, ชายหม่าล่า, หม่าล่าหัวร้อน เป็นต้น

8. ไก่ย่าง ไก่ทอด

จะไก่ย่างหรือไก่ทอด ก็ขายดิบขายดี ถูกปากลูกค้าแน่นอนเพราะเป็นอาหารทานง่าย อร่อย ราคาไม่แพงและทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้อร่อยนั้นก็ต้องมีสูตรกันหน่อยนะคะ อย่างไก่ทอดก็มีหลายแบบเลยค่ะ ทั้งไก่ทอดน้ำปลา ไก่ชุบแป้งทอด ไก่ทอดกรอบ ไก่แซ่บ ไก่เทอริยากิ เป็นต้นค่ะ ส่วนไก่ย่างก็มีทั้งไก่ย่างสมุนไพร ไก่ย่างหนังกรอบ ไก่ย่างแดง ค่ะ ซึ่งแต่ละสูตรไก่สามารถหาข้อมูลได้จากอินเทอร์เน็ต โดยลองฝึกทำและดัดแปลงให้เป็นสูตรตัวเองดูค่ะ เมื่อฝึกจนคล่องและมั่นใจว่าอร่อยแล้ว ก็ตั้งโต๊ะขายได้เลย อย่าลืมขายข้าวเหนียวควบคู่ไปด้วย

9. หมูปลาร้า

อาหารมาแรงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาและยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับหมูปลาร้า ซึ่งการจะทำหมูปลาร้าให้ขายได้ดีนั้น ต้องมีเคล็ดลับสองอย่างคือการหมักหมู หมักอย่างไรให้นุ่ม อร่อยและน้ำพริกปลาร้า ที่อาจต้องศึกษาสูตรและฝึกทำจนอร่อย นัว ถูกใจลูกค้าให้ได้ค่ะ ส่วนผักเครื่องเคียงก็ไม่มีอะไรมากค่ะ จะมีแค่แตงกว่า พริกและมะเขือเปราะเท่านั้น

10. หมึกย่าง

อาหารแนวปิ้งย่างสุดฮิต สุดสตรีท ถูกใจทั้งลูกค้าไทยและเทศ ไปตลาดไหนๆก็ต้องเจอ ซึ่งหมึกที่นิยมนำมาย่างขายก็จะมี “หมึกกล้วย” ที่สีจะออกม่วงๆ และยาวเหมือนกล้วย เมื่อย่างแล้วจะได้ความกรอบ, “หมึกกระดอง” ตัวกลมๆสีขาว เนื้อหนา ซึ่งเป็นหมึกที่เหมาะกับการปิ้งย่างที่สุด และสุดท้าย “หมึกหอม” คล้ายหมึกกล้วย แต่ขาวกว่า หอมและนุ่มกว่าหมึกกล้วย นอกจากประเภทของหมึกแล้ว ทั้งส่วนของหนวดและไข่ ก็นำมาย่างขายได้ และเป็นที่นิยมของลูกค้าด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่หมึกย่าง ที่คุณต้องใส่ใจถึงความอร่อย ความสะอาด ไร้กลิ่นคาว แต่ยังรวมถึงน้ำจิ้มรสเด็ด ที่คุณต้องทำให้ลูกค้าติดใจด้วย

11. หอยครก ทะเลครก

ฮอตฮิตมาสักพักแล้วเหมือนกันค่ะ สำหรับเมนูหอยครก ทะเลครก ซึ่งเป็นเมนูที่ได้ไอเดียมากจากขนมครก โดยเปลี่ยนจากแป้งและน้ำกะทิหยอดใส่เบ้าขนมครก มาเป็นน้ำมัน แป้ง และไข่ เพื่อทำหอยครก ทะเลครกแทน แต่ในช่วงที่เมนูนี้ฮอตฮิตใหม่ๆ ยังเป็นเมนูแบบหอยครกอยู่ แต่ต่อมาก็มีทั้งหมึก กุ้ง และปูอัด เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และความเป็นทะเลมากขึ้นด้วย สำหรับท่านใดที่สนใจจะทำขาย อาจจะต้องศึกษาสูตรในการผสมแป้ง และการทำน้ำจิ้มดีๆนะคะ เพราะเป็นส่วนสำคัญ แต่ข้อจำกัดของการทำหอยครก ทะเลครกขายก็คือ ระยะเวลาในการทอดค่ะ ซึ่งหากทอดและพักไว้ อาจทำให้เย็นและเสียรสชาติได้ เพราะฉะนั้น การรับประทานให้อร่อย คือต้องทอดเสร็จร้อนๆแล้วขายลูกค้าทันทีค่ะ

ต้นทุนทะเลครกต่อกล่อง (6 ชิ้น) โดยประมาณ (เฉพาะวัตถุดิบ)

• ทะเลครก ชิ้นละ 1.58 (x6) = 9.48 บาท
• น้ำจิ้ม 2.55 บาท
• พริกไทย ต้นหอมโรย ยางรัด = 0.5 บาท
• กล่อง = 1.6 บาท

12. โตเกียว

อีกหนึ่งของทานเล่นที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมค่ะ เพราะโตเกียวในยุคนี้ ทั้งตัวแป้งและไส้นั้น หลากหลายมาก บางไส้ก็อาจทำให้ลูกค้าคาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ เพราะทั้งแปลก ทั้งอร่อย อีกทั้งยังมีขนาดให้เลือกมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นธุรกิจการขายโตเกียว ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่สนใจจะขายสามารถซื้อแฟรนไชส์มาได้เลยนะคะ เพราะมีหลายเจ้าหลายแบรนด์ดังๆ และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็น โตเกียวยักษ์นายเจ, โตเกียวโลโซ, ซูโม่ขนมโตเกียว และโตเกียวแลนด์ เป็นต้น โดยต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อยหลักหมื่นขึ้นไป

13. ซูชิ

อาหารญี่ปุ่นแบบทานง่ายและเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคน อีกทั้งราคายังมีแบบสูงและไม่สูง ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ นอกจากนี้หน้าต่างๆของซูชิก็มีให้ลูกค้าได้เลือกอย่างหลากหลาย จึงกล่าวได้ว่า ซูชิ ก็เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่ของลูกค้าและคนขายค่ะ หากท่านใดที่สนใจจะขายซูชิ แต่ไม่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจเองตั้งแต่ขั้นแรกก็สามารถซื้อแฟรนไชส์ซูชิมาขายได้ค่ะ เช่น แฟรนไชส์ซูชิล้นปาก ซึ่งลงทุนแค่หลักพันเท่านั้นค่ะ

ต้นทุนซูชิโดยประมาณ (เฉพาะวัตถุดิบ)

• ข้าว + สาหร่าย = 0.5 บาท
• ปูอัดครึ่งชิ้น = 0.88 บาท
• กุ้งผีเสื้อ + มายองเนส + ไข่กุ้ง = 2.57 บาท
• ไข่ม้วน 5 กรัม = 1.35 บาท
• ไข่กุ้ง = 1.20 บาท
• ยำสาหร่าย 5 กรัม = 1 บาท

14. เครปญี่ปุ่น

เครปญี่ปุ่น คือของทานเล่นที่มีขายมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากมีการพัฒนาในเรื่องของไส้และแป้งให้มีความหลากหลายขึ้น น่ารับประทานมากขึ้น อีกทั้งยังมีทั้งเครปแบบร้อนและแบบเย็น ซึ่งถือได้ว่าเป็นของทานเล่นที่ทำให้ลูกค้าสนุกกับการเลือกทานได้อย่างหลากหลาย ฉะนั้นเครปญี่ปุ่นจึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนขายที่สำคัญคือทานง่าย กำไรดีและมีแฟรนไชส์ให้เลือกลงทุนด้วย

15. เล้งแซ่บ

เล้งหรือส่วนกระดูกสันหลังของหมู ที่จากแต่ก่อนเป็นแค่ตัวประกอบของร้านก๋วยเตี๋ยว สำหรับไว้ต้มในน้ำซุป เพื่อให้มีรสหวาน และลูกค้าสามารถขอทางร้านได้เลย แต่ปัจจุบัน เล้งได้กลายเป็นพระเอกของร้านไปแล้ว เพราะได้มีการนำมาทำให้เหมือนเป็นต้มแซ่บ ปรุงรสให้มีความเผ็ด จัดจ้าน ด้วยพริก มะนาว น้ำปลา ซึ่งเป็นที่ถูกใจลูกค้ามากมาย อีกทั้งการนำเสนอของร้าน ที่เน้นความใหญ่ ความพูน และโรยพริกให้ดูน่ารับประทาน แบบแซ่บนัว ก็มีส่วนให้ต้มเล้ง กลายเป็นเมนูยอดนิยมในการรับประทานและแชร์ต่อในโลกออนไลน์มากช่วงหนึ่ง

16. ส้มตำ

อาหารที่ต้องมีในทุกตลาด ไม่ว่าจะตลาดไหน ภาคใดของเมืองไทยเพราะส้มตำถือเป็นเมนูอันดับต้นๆที่คนไทยชอบรับประทานมากที่สุด และแต่ละตลาดก็ไม่ได้มีร้านเดียวด้วยนะคะ ซึ่งความแตกต่างก็อยู่ที่รสชาติ เมนู และความถูกปากของลูกค้าแต่ละคนค่ะ ในปัจจุบัน ส้มตำก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างเช่น ตำถาด หรือการตั้งชื่อเมนูให้มีความแปลกพิสดาร ชวนให้สงสัยหรืออยากลอง แต่หากจะเปิดร้านหรือทำส้มตำขายแล้ว แค่ส้มตำคงไม่พอค่ะ เพราะยำก็ได้รับความนิยมมากเช่นกันในตอนนี้ ก็ควรขายควบคู่กันไปเลย

17. ยำ

ฮิตมากจริงๆ สำหรับยำในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ซึ่งนอกจากจะฮิตแล้ว ราคาขายยังสูงอีกด้วย แต่ถึงราคาสูง ก็ยังขายได้ค่ะ หากคุณใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ และมีคุณภาพ สะอาด เมนูแปลกใหม่และหลากหลาย ที่สำคัญคือน้ำยำรสเด็ด ที่สามารถมัดใจลูกค้าได้ หากท่านใดสนใจจะขายแต่ยังไม่มีสูตรเด็ด ต้องฝึกทำก่อนขายจริงแล้วล่ะค่ะ เพราะลูกค้าส่วนมากที่ชอบทานยำ ก็จะติดใจน้ำยำที่รสเด็ดเท่านั้น

18. เมี่ยงปลาเผา

อีกหนึ่งเมนูที่หลายคนติดใจ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่และสามารถขายได้ทั้งในรูปแบบรถเข็น หรือเป็นร้านขนาดใหญ่ หัวใจสำคัญของเมี่ยงปลาเผาก็คือปลา จะปลาทับทิมหรือปลานิลก็ได้และต้องสดเท่านั้น รวมถึงน้ำจิ้มรสเด็ดที่ต้องมีถึงสามรสด้วยกันในส่วนนี้ก็ต้องฝึกปรือฝีมือและปรุงสูตรให้อร่อยถูกใจลูกค้าให้ได้นะคะ ในส่วนของการลงทุนนอกจากปลาและวัตถุดิบอื่นๆแล้วยังมีอุปกรณ์พวกเตาเผา ตะแกรงหรือเครื่องเผาปลาอัตโนมัติด้วย

19. ก๋วยเตี๋ยว

ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่อยู่คู่คนไทยมานานค่ะ และคนไทยส่วนมากก็นิยมทานก๋วยเตี๋ยวในแต่ละมื้อด้วย ซึ่งก๋วยเตี๋ยวก็มีหลากหลายประเภท หลากหลายรสชาติแตกต่างกันไปค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส เย็นตาโฟ เป็นต้น ท่านใดที่สนใจจะขายก๋วยเตี๋ยวแบบไหน ก็ต้องศึกษารูปแบบธุรกิจด้วยนะคะ เพราะก๋วยเตี๋ยวแต่ละประเภท ก็จะมีรูปแบบ ราคา และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขายแตกต่างกันไป อีกทั้งก๋วยเตี๋ยว ก็ยังมีธุรกิจแฟรนไชส์อยู่หลายเจ้าเลย

20. หมูกระทะ

ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน หมูกระทะก็จะยังคงอยู่ค่ะ เพราะเป็นอาหารที่เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อน ครอบครัวและเหมาะสำหรับการกินเลี้ยง สังสรรค์ เลี้ยงส่ง อีกทั้งยังมีทั้งแบบชุดและแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งแบบบุฟเฟ่ต์นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะลูกค้ามักจะเลือกร้านที่มีวัตถุดิบที่ทั้งดีและเยอะ ทานแล้วคุ้มค่า แต่การจะลงทุนทำร้านหมูกระทะนั้น ก็ถือว่าใช้เงินลงทุนสูงค่ะ หากท่านใดสนใจในธุรกิจนี้ ต้องวิเคราะห์เรื่องต้นทุนวัตถุดิบ ทำเลและพนักงานร้านดีๆด้วยนะคะหรือหากไม่ทำร้าน แต่เป็นเฉพาะเดลิเวอรี่ ก็ทำได้เช่นกันค่ะ แต่ก็อาจจะต้องลงทุนเรื่องการตลาดเยอะพอสมควร เพื่อให้ลูกค้าเห็นและรู้จักค่ะ

21. เสื้อผ้ามือสอง

จะกี่ยุคกี่สมัย เสื้อผ้ามือสองก็ยังคงได้รับความนิยมค่ะ ซึ่งในช่วงแรกที่เริ่มขาย ก็สามารถเริ่มได้จากเสื้อผ้าของคุณเองหรือของคนรอบข้างได้เลย เพื่อเป็นการลดต้นทุนศึกษาตลาด ศึกษาลูกค้าและแนวทางการขายไปในตัวด้วยและเมื่อธุรกิจเติบโตหรือขายดี จึงค่อยเริ่มรับเสื้อผ้าจากแหล่งขายเสื้อผ้ามือสองโดยเฉพาะ เช่น โรงเกลือ ตลาดปัฐวิกรณ์ หรือShinjuku Outlet ตามสาขาต่างๆ เพื่อให้ได้เสื้อผ้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น และราคาถูกมากด้วยค่ะ หากซื้อในปริมาณที่เยอะ ซึ่งนอกเหนือจากแหล่งซื้อเสื้อผ้ามือสองมาขายที่กล่าวมานั้น คุณก็สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์แบบเหมาหรือกระสอบได้ด้วย แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการเลือก ที่ไม่สามารถเลือกได้ทุกตัว แต่ข้อดีคือประหยัดเวลาและการเดินทางค่ะ

22. เสื้อฮาวาย

สมัยก่อนเสื้อฮาวายอาจจะเห็นคนใส่ก็ต่อเมื่อไปทะเลใช่ไหมล่ะคะ แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะเห็นหลายคนนิยมใส่เสื้อฮาวายค่ะ เพราะด้วยความพลิ้วของเนื้อผ้าทำให้ใส่สบาย และความนิยมของศิลปินดาราที่มีอิทธิพลในการแต่งตัว ก็เลยกลายเป็นเทรนด์ในยุคนี้ด้วยเหมือนกันสำหรับเสื้อฮาวาย

23. เคสโทรศัพท์มือถือ

สมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือก็ยังเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อทุกคน เพราะต้องใช้ในการติดต่อสื่อสาร ติดตามข่าวสารข้อมูลหรือเสพสื่อเพื่อความบันเทิง เพราะฉะนั้นเคสโทรศัพท์ จึงกลายเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นไม่ต่างจากโทรศัพท์มือถือด้วยเหมือนกันค่ะ ซึ่งปัจจุบันมือถือนั้นมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อมาก เคสจึงต้องพัฒนาและผลิตให้ทันด้วยเช่นกัน การขายเคสโทรศัพท์มือถือ จึงถือเป็นธุรกิจที่อยู่ได้เรื่อยๆ และขายดีในช่วงที่โทรศัพท์รุ่นใหม่เปิดตัวนั่นเอง

24. เสื้อยืดสกรีน

ยังคงเป็นที่นิยมของวัยรุ่นอยู่ค่ะ สำหรับเสื้อยืดสกรีนเพราะเป็นเสื้อยืดหลากสี มีลายการ์ตูน หรือลายศิลปะเท่ห์ๆ ก็เป็นที่ถูกใจวัยรุ่นแล้วค่ะ ซึ่งหากท่านใดเป็นคนมีไอเดียหรือสามารถออกแบบได้ ใช้โปรแกรมออกแบบได้ก็สามารถทำเสื้อยืดขายได้นะคะ อาจจะศึกษาลงมือสกรีนเองหรือดีลกับโรงงานก็ได้เหมือนกันค่ะ ซึ่งหากทำในปริมาณเยอะ ต้นทุนก็ไม่แพงเลยค่ะ โดยในช่วงเริ่มต้นที่ขายก็อาจจะทำในปริมาณที่ไม่มากก่อนค่ะ เพื่อทดลองตลาด

25. เครื่องประดับ

สินค้าสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ ตุ้มหู แหวน กำไล ที่คาดผม กิ๊บหนีบผม และอื่นๆ ที่ยังขายได้อย่างเรื่อยๆ ซึ่งหากคุณสนใจจะรับมาขาย ก็อาจจะดูที่กลุ่มลูกค้าในแหล่งที่ขายว่าเป็นระดับใด เนื่องจากเครื่องประดับก็มีหลายเกรดเช่นเดียวกัน โดยเครื่องประดับที่ใช้วัสดุราคาสูง ก็ต้องขายในราคาที่สูงเช่นกัน ซึ่งราคาระดับนี้ ก็คงไม่เหมาะหากคุณต้องการนำไปขายในตลาดสักที่หนึ่ง แต่หากขายเพื่อส่งออกหรือออกบูธตามห้าง ตาม Community Mall ก็ควรเลือกใช้วัสดุที่มีราคาและมีการออกแบบที่ดี มีดีไซน์ที่ทันสมัยสวยงาม

26. หมวกแฟชั่น

อีกหนึ่งสินค้าที่มีความหลากหลายประเภท และหลากหลายโอกาสในการสวมใส่ค่ะ จึงไม่แปลกที่ไม่ว่าสมัยไหน หมวกก็ยังขายดีและขายได้เรื่อยๆค่ะ เพราะนอกจากประเภทหมวกและโอกาสในการใส่ไปเที่ยว ไปงานต่างๆแล้ว รูปทรงยังมีให้เลือกมากอีกด้วยค่ะ ยิ่งถ้าร้านของคุณขายหมวกที่หลากหลายรูปแบบด้วยแล้วนั้น ลูกค้าอาจจะได้ซื้อคนละสองสามใบเลยก็ว่าได้

27. กระเป๋าแฟชั่น

สินค้าที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงอีกเช่นเคยค่ะ แต่สมัยนี้ก็มีกระเป๋าแฟชั่นที่รูปแบบหลากหลาย โดนใจทั้งวัยรุ่นหญิงชายด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณสามารถเลือกขายได้ตามใจชอบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าทำงาน กระเป๋าไปเที่ยว กระเป๋าเดินทาง เป้ เพราะกระเป๋าแต่ละประเภทสามารถขายได้ทั้งในตลาด ห้าง หรือการออกบูธ แต่หากคุณต้องการออกแบบกระเป๋าเอง ผลิตเอง ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ ซึ่งต้องศึกษาทั้งเรื่องของผ้า การตัดเย็บ รูปแบบ ขนาด รวมถึงการจ้างโรงงานด้วย

28. รองเท้ามือสอง

คล้ายกับเสื้อผ้ามือสองค่ะ ที่ในช่วงแรกคุณอาจจะเริ่มโดยการนำรองเท้าของตัวเองหรือคนรอบข้างมาขายก่อน จากนั้น เมื่อขายดี หรือมีช่องทาง หรือเห็นโอกาสในการขายเพิ่ม จึงค่อยไปรับจากแหล่งขายรองเท้ามือสองโดยเฉพาะ ซึ่ง รองเท้ามือสองที่ค่อนข้างได้รับความนิยมและขายดี ก็คือพวกรองเท้ากีฬา ผ้าใบแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Nike, Adidas, Converse,Vans, New Balance, Reebok เป็นต้น แต่ก่อนนำมาขายก็ควรจะทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย

29. กางเกงยีนส์

จะยีนส์มือหนึ่งหรือมือสอง ก็ขายได้ ขายดี ขายเรื่อยๆ เพราะกางเกงยีนส์สามารถใส่ได้ทุกโอกาส ทุกสถานที่ อีกทั้งยังแมทช์กับเสื้อได้หลายแบบมาก จึงไม่แปลกหากคุณไปเดินตลาดแล้วเจอร้านขายกางเกงยีนส์มากกว่าสองร้าน และหากคุณสนใจจะขายกางเกงยีนส์ด้วย คุณก็ต้องทำให้แตกต่างจากร้านอื่น โดยอาจจะเป็นการตกแต่งร้านที่โดดเด่น หรือการตลาดของคุณเอง เช่น ซื้อ 2 แถม 1 หรือหากคุณมีฝีมือในการตัดเย็บ ก็สามารถตัดแต่งกางเกงยีนส์ในรูปแบบใหม่ๆตามต้องการได้ หรือเพิ่มลวดลาย ให้สวยงามมีเอกลักษณ์มากขึ้นได้

30. น้ำหอม

สำหรับวัยรุ่นอาจจะไม่สนใจในสินค้าตัวนี้มากนัก แต่สำหรับวัยทำงาน น้ำหอมถือว่าเป็นสินค้าอีกชนิดที่มีความสำคัญเช่นกันค่ะ เพราะนอกจากการแต่งกาย และบุคลิกภาพที่ควรดูดีแล้ว กลิ่นหอมก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญค่ะ โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องพบปะผู้คน หรือพบเจอลูกค้ามากมาย ก็ควรที่จะมีกลิ่นตัวที่หอมตลอดเวลา และควรเป็นกลิ่นที่หอมพอดี ไม่ฉุนจนเกินไปด้วยนะคะ ซึ่งน้ำหอมก็มีหลายเกรด หลายแบรนด์เช่นกัน หากสนใจจะนำมาขาย ก็ควรมีหลายยี่ห้อให้ลูกค้าเลือก และมีกลิ่นทดลองให้ลูกค้าด้วย