สยามอาชีพ
แอดมินเคยมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อค้าคนหนึ่ง ขออนุญาตเรียกว่า”พี่เอ”ก็แล้วกัน พี่เอกับแฟนขายกางเกงสกินนี่ตามตลาดนัด บางคนอาจยังไม่รู้จักว่ากางเกงสกินนี่คืออะไร…กางเกงสกินนี่เป็นกางเกงแฟชั่นของผู้หญิง ทรงเดฟ สวยเข้ารูป เนื้อผ้าเป็นผ้ายืดใส่สบาย ใส่ทำงานก็ได้ ใส่เที่ยวก็ดี
พี่เอจะขายกางเกงตามตลาดนัดออฟฟิตทั่วไปและตกเย็นก็จะไปขายต่อที่ริมฟุตบาท พี่เอบอกว่ากลยุทธ์การขายของเค้าคือขายเอาปริมาณ กำไรต่อกางเกง 1 ตัวไม่ต้องเอาเยอะแต่ถ้าได้ปริมาณแล้วกำไรรวมมันจะสูงเอง อย่างกางเกงที่พี่เอรับมาต้นทุนตกตัวละ 160 บาท หน้าร้านอื่นๆจะขายปลีกอยู่ที่ 250 บาท
แปลว่ากำไรตัวนึงตกตัวละถึง 90 บาท ซึ่งถ้าขายได้วันนึง 10 ตัวกำไรก็ได้แล้ว 900 บาท แต่สำหรับพี่เอแล้วไม่คิดเช่นนั้น พี่เอขายกางเกงแค่ตัวละ 200 เอากำไรแค่ตัวละ 40 บาทเท่านั้น ซึ่งแอดมินคิดดูแล้วยังไงกำไรก็น้อยกว่าร้านแรกมาก ถึงพี่เอจะขายได้ 2 ตัวกำไรก็ยังไม่เท่าร้านแรกที่ขายได้แค่ตัวเดียวเลย แล้วอย่างนี้จะคุ้มได้ยังไง
เคล็ดลับขายเอาปริมาณ กลยุทธ์การขายสินค้า
พี่เอเลยบอกเคล็ดลับว่าเขาขายเอาปริมาณต่างหาก ลองนึกถึงลูกค้าเวลาเค้าจะซื้ออะไรก็ตามแต่ เค้าจะต้องเทียบราคาเป็นเรื่องปกติ เมื่อลูกค้าเทียบราคาขายระหว่าง 2 ร้านแล้ว กางเกงแบบเดียวกันร้านนึงขาย 250 บาท อีกร้านขายแค่ 200 บาท เป็นใครก็ต้องซื้อร้านที่ถูกกว่าอยู่แล้วเพราะราคาต่างกันตั้ง 50 บาท บางคนเทียบต่อไปอีกว่าถ้าเค้าซื้อกางเกงร้านแรก 2 ตัวต้องจ่ายเงินถึง 500 บาท
แต่ถ้าซื้อร้านพี่เอใช้เงินแค่ 400 บาทเท่านั้น และโชคดีของพี่เอที่ลูกค้าหลายๆคนคิดแบบนี้ บางคนซื้อทีละ 2 ตัวบ้าง 3 ตัวบ้างเพราะเค้ารู้สึกว่ามันคุ้ม ทำให้วันๆนึงพี่เอสามารถขายกางเกงได้วันละหลายสิบตัวเลยทีเดียว และนอกจากแผนการขายที่ชาญฉลาดแล้วพี่เอยังสามารถทำรอบการขายได้สูงสุดถึงวันละ 3 รอบด้วย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นสาวออฟฟิตซึ่งมีเวลาทำงานที่แน่นอน เบรคก็เป็นเวลา เพราะฉะนั้นใน 1 วันพี่เอก็จะสามารถวิ่งขายได้ถึง 3 ที่
- คือช่วงเช้าพี่เอจะขายอยู่ที่ตลาดที่ 1 เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่แวะซื้อของกินและช๊อปปิ้งก่อนเข้างาน พอลูกค้าเริ่มเข้างานจนเกือบหมดแล้ว พี่เอกับแฟนก็จะเก็บของไปขายตลาดที่ 2
- ตั้งร้านเรียบร้อยก็จะเป็นช่วงที่ลูกค้าพักกินข้าวเที่ยงพอดี พี่เอก็จะสามารถขายของได้ตั้งแต่ 11 โมงกว่าๆเรื่อยไปจนบ่ายสองหรือบ่ายสามแล้วแต่วัน พอตกเย็นแน่นอนว่าคงไม่มีลูกค้าไปเดินตลาดแล้วแต่จะเดินทางกลับบ้านแทน และที่ที่ 3
- ของวันก็คือขายที่ริมฟุตบาทนั่นเอง แอดมินไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เอสามารถขายกางเกงได้วันละหลายสิบตัว
เทคนิคการขายสินค้าปัจจัยในการเลือกตลาด
เทคนิคการขายต่อไปของพี่เอก็คือจะไม่เข้าตลาดเดิมติดๆกัน ตลาดนัดออฟฟิตมีมากมายทั่วกรุงเทพฯ จากที่ขายมาหลายๆที่ พี่เอจะเลือกตลาดประจำอยู่ซัก 5-6 ตลาด ซึ่งปัจจัยในการเลือกตลาดของพี่เอก็อย่างเช่นขายที่ตลาดนี้แล้วขายดี ฐานลูกค้าประจำเยอะ
ถ้าตลาดไหนยอดขายน้อยกว่าก็จะไม่เข้า รวมถึงความสะดวกในการเดินทาง และการติดต่อเช่าแผงขายจากผู้ดูแลตลาดด้วยเป็นต้น เทคนิคการไม่เข้าตลาดเดิมติดๆกันก็คือ สมมติว่าเช้าวันจันทร์ขายที่ตลาดนี้แล้ว เช้าวันอังคารจะไม่เข้ามาขายซ้ำตลาดเดิมอีกเพราะมันจะทำให้ลูกค้าเบื่อยอดขายก็จะซบเซา เช้าวันอังคารควรไปขายตลาดอื่นแทน แต่ถ้าอยากวนกลับมาอีกก็ให้เป็นซักวันพฤหัส หรือวันศุกร์ก็ว่ากันไป แล้วก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (แต่ช่วงเย็นก็ยังขายฟุตบาทที่เดิมเนื่องจากขายจนได้ที่ประจำไปแล้ว)
ถึงใน 1 วันจะต้องวิ่งทำรอบหลายๆที่อาจจะเหนื่อยกันหน่อย แต่กำไรหลังจากหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว พี่เอกับแฟนได้กำไรถึงวันละ 2,000-4,000 บาทเลยทีเดียว ถือว่าได้กำไรที่ดีมากๆ บางอย่างเราอาจจะไม่ต้องเปิดร้านขายตกแต่งสวย หรือตั้งราคาขายเพื่อหวังกำไรสูงๆ ลองคิดมุมกลับแบบพี่เอ เอากำไรต่อชิ้นน้อยหน่อยแต่ขอปริมาณมากเทียบกับผลลัพธ์ที่คำนวณออกมาแล้วคุ้มกว่าการขายเก็งกำไร สิ่งสำคัญในการขายคือต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเราคือใคร ทำอย่างไรเราถึงจะสู้คู่แข่งได้ ถ้าเราจับทางถูกและรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร กำไรก็จะตามมาเอง
สำคัญมาก : คิดให้ดีเสียก่อนว่าหากมีร้านค้าขายค้าค้าแบบเดียวกันกับเรา ห้ามตัดราคากันเองโดยเด็ดขาด ส่วนที่เขียนบททั้งหมดเป็นเพียงกลยุทธ์การขายสินค้าเท่านั้น หวังว่าผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ต่อการขายอย่างสร้างสรรค์ต่อไป
