อากาศเมืองไทยปีนี้ ร้อนจัดมากถึงมากที่สุด หลายๆ คนเกิดอาการฮีทสโตรก ซึ่งก็คือร่างกายไม่ขับเหงื่อ แม้ว่าอากาศจะร้อนปานใดก็ตาม หน้าแดง ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ มีอาการคลื่นไส้ หายใจเร็ว ชัก หมดสติ หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์ อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ ไม่เว้นแม้แต่สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว กระต่าย ฯลฯ ก็มักจะเกิดอาการฮีทสโตรกจนถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน
ในส่วนของการเลือกอาหารให้เหมาะแก่ช่วงอากาศร้อนเช่นนี้ แอดมินขอนำเสนอแตงกวา ซึ่งเป็นผักสวนครัวที่ทุกๆ คนในโลกล้วนคุ้นเคยกับผักชนิดนี้ แตงกวาเป็นผักที่สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูมาก ยกตัวอย่างเช่น แตงกวาผัดไข่ สลัดผัก ยำเนื้อกับแตงกวา ฯลฯ ทำไมถึงต้องเป็นแตงกวา ก็เพราะแตงกวามีคุณสมบัติที่ดีเลิศในการช่วยลดอุณหภูมิ หรือความร้อนภายในร่างกายของเรา เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพภายในร่างกายได้ดีมากๆ จะปรุงเป็นอาหารสุกหรือกินดิบๆ จิ้มกับน้ำพริกต่างๆ แล้วแต่ชอบเลยค่ะเป็นตัวช่วยลดอุณหภูมิหรือความร้อนภายในร่างกาย หน้าร้อนปีนี้หันมากินแตงกวากันเยอะๆ นะคะ
ประโยชน์ของแตงกวา
- เป็นตัวช่วยลดอุณหภูมิหรือความร้อนภายในร่างกาย หน้าร้อนปีนี้หันมากินแตงกวากันเยอะๆ นะคะ
- เป็นตัวช่วยรักษาสมดุลภายในร่างกาย อย่างเช่น รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
- ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ท้องไม่อืด
- กินแตงกวาสดๆ ช่วยฆ่าเชื้อโรค ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก
- ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวสะอาดกระจ่างใสขึ้น และรูขุมขนกระชับขึ้น โดยการฝานเป็นแผ่นบางๆ แช่เย็นแล้วแปะตามใบหน้าและเปลือกตา จะรู้สึกสบายหน้าเหมือนทำ baby face
- ช่วยป้องกันสภาวะร่างกายขาดน้ำได้ เนื่องจากในแตงกวามีส่วนประกอบที่เป็นน้ำถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
- ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร
- มีสารแอนโทรแซนทิน ซึ่งจะช่วยลดอาการอักเสบ และอาการปวดแผล
- ช่วยกำจัดของเสียที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย และยังช่วยละลายก้อนแข็งที่อยู่ภายในไตได้ด้วย
- ช่วยเสริมสร้างความจำ ส่งเสริมการทำงานของสมอง และยังช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย
สรรพคุณทางยาของแตงกวา
สรรพคุณทางยาของแตงกวา
- ผล เมื่อนำมารับประทานจะมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดความร้อนภายในร่างกาย ขับปัสสาวะ ลดไข้ แก้อาการกระหายน้ำ ใช้รักษาอาการเจ็บคอ ตาแดง ไฟลวกและผดผื่นคัน หรือจะใช้กินเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริกหรือนำมาประกอบอาหารก็สามารถนำมาทำได้
- ใบ เมื่อนำมาทานสดๆ จะให้รสขม มีพิษเล็กน้อย สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย หรือบิดได้
- เมล็ดหรือเนื้อในเมล็ด ให้รสมันเย็น เมื่อนำมาทาน จะช่วยในเรื่องของการถ่ายพยาธิได้เป็นอย่างดี
- เถา จะให้รสขม มีพิษเล็กน้อย ช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต โรคผิวหนังเป็นฝีเล็กๆ มีหนอง รักษาอาการหนองในได้
- ราก จะให้รสเย็น ช่วยป้องกันการขาดวิตามินบี 1 และช่วยขับปัสสาวะ
ในส่วนของรสชม ที่หลายๆ คนเคยเจอเมื่อนำมาประกอบอาหาร หรือกินดิบๆ นั่นเป็นเพราะส่วนประกอบของแตงกวาจะมีสารเคมีชนิดหนึ่ง ชื่อว่า Toxin Cucurbitacin ซึ่งเป็นสารที่ให้รสขม สาเหตุที่เกิดรสขมไม่ได้เกิดจากการที่มีงูเลื้อยผ่านเถาแตงวา อย่างที่เข้าใจกันมาแต่โบราณนะคะ แต่เป็นเพราะแตงกวาเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณมาก หากรดน้ำน้อย ต้นแตงกวาที่อยู่ปลายๆ เถาจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเข้มข้นของสาร Toxin Cucurbitacin ในผลแตงกวาสูงกว่าปกติ จนทำให้แตงกวามีรสขม หรือแม้แต่การเก็บแตงกวาเอาไว้นานเกินไป กว่าจะนำมาจำหน่าย หรือรับประทาน ก็ทำให้แตงกวาผลิตสาร Toxin Cucurbitacin ออกมามากกว่าปกติได้เช่นกัน
#อยากกินต้องทำเอง
#Kitchenpui