รากบัวหรือเหง้าของบัวหลวง มีลักษณะเป็นท่อนยาว แบ่งเป็นปล้อง ๆ เมื่อหั่นตามขวางจะเห็นรูกลวงเรียงตัวเป็นรัศมี เนื้อรากบัวฉ่ำกรอบ สีขาวอมเหลืองหรือสีเหลืองงาช้าง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายดอกบัว สามารถกินได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก ซึ่งวิธีการกินที่ต่างกันก็จะให้สรรพคุณที่แตกต่างกันด้วย
การดื่มน้ำรากบัวนั้นให้ประโยชน์มากมายแก่รางกาย เพราะในน้ำรากบัวนั้นมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายๆอย่างเช่น ฟลาโวนอยด์ โฟลีฟีนนอล ช่วยในการต่อต้านมะเร็ง มีวิตามิน และเกลือแร่ น้ำรากบัวจึงถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง น้ำรากบัวที่ดี จะต้องมี สีออกสีเหลืองๆ จางๆ ใสๆ มีรสฝาด เผ็ด ร้อน ไม่มีกลิ่น
ประโยชน์ของการดื่มน้ำรากบัว
- แก้ร้อนใน บำรุงเลือด ทำให้สดชื่น
- ช่วยการไหลเวียนของโลหิต
- ช่วยขับเสมหะ ดับพิษร้อน แก้พิษไข้
- แก้ท้องร่วง บำรุงสมอง ชูกำลัง
- แก้อาการอ่อนเพลีย
- ชวยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระแก่ร่างกาย
- ลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ
วัตถุดิบส่วนประกอบ
- รากบัว(ซื้อในห้างทั่วไป) 1 กิโลกรัม
- น้ำตาลทรายขาว หรือแดงตามชอบ 0.5 กิโลกรัม
- น้ำสะอาด 1.5 ลิตร
วิธีทำรากบัวเชื่อม
- รากบัวปอกเปลือก นำมาล้างในน้ำสะอาด แล้วหั่นตามชอบ (ในรูปหั่นเต๋าและขวาง)
- ตั้งน้ำกับน้ำตาลให้เดือด ใช้ไฟระดับกลาง
- ใส่รากบัวลงไป
- คอยตักฟองทิ้ง เมื่อเดือดแล้วให้ลดไฟลง พอเดือดน้ำปุด ๆ
- ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำจะงวดลงเหลือน้อยกว่ารากบัว
- เสร็จแล้ว เทใส่แก้ว พร้อมเสริฟ
หมายเหตุ : เมนูนี้จะทานเปล่า ๆ ใส่น้ำแข็งทุบ หรือ ใส่น้ำกะทิแบบแตงไทย ก็ชื่นใจไปอีกนาน
เขียนสูตรอาหาร รูปภาพโดย : คุณ คริษฐ์ เกตุแค ผู้ดูแลเพจ อาหารที่แม่สอน
ข้อมูลบางส่วนมีที่มาจาก : เว็บไซต์ประโยชน์ดอทคอม , นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี
เรียบเรียงโดย : www.siamarcheep.com (สยามอาชีพ)