ในช่วง 10 – 20 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนั้น สังคมในปัจจุบันก้าวเข้าสู่สภาพความเป็นสังคมเมืองเพิ่มมากขึ้น การกระจายการบริหารทางการเมืองที่ขยายศูนย์ราชการสู่ท้องถิ่น การทัดเทียมทั้งในส่วนของระบบราชการ การบริหาร เทคนิค วิทยาการและการให้บริการทางการแพทย์ หรือจะเป็นความก้าวไกลทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีนั้นมีส่วนสำคัญและมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในสังคมยุคปัจจุบัน
วิถีชีวิตของคนก็เปลี่ยนแปลงมากขึ้น เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเป็นสังคมเมือง มีการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว การเกิดขึ้นและเจริญเติบโตของธุรกิจที่เน้นความรวดเร็ว สะดวกสบาย เช่น ร้านสะดวกซื้อ ดังนั้นมีธุรกิจจำนวนไม่น้อยจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้น เช่น บริการอาหารตามสั่ง ธุรกิจธนาคารออนไลน์ ธุรกิจการให้บริการที่มีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่นักธุรกิจในขณะนี้มีความตระหนักเพิ่มมากขึ้นนั้น นั่นก็คือ สภาพสังคมในปัจจุบัน และการวางแนวความคิดและแผนการตลาดในอนาคต เพื่อรอบรับและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอนาคตนั่นเอง มาดูกันสิคะว่า สภาพสังคมในอนาคตนั้นจะเป็นอย่างไร
1.สังคมผู้สูงอายุ
เป็นเรื่องที่คาดการณ์กันไว้แล้วว่า ในอนาคตนั้นประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะด้วยวิทยาการทางการแพทย์และการบริการทางสาธารณสุขที่มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และส่งผลให้คนมีอายุยืนเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง รวมไปถึงคนที่ใช้ชีวิตโสดที่อาจจะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นหากมองและศึกษาในเรื่องของธุรกิจ ก็อาจจำเป็นต้องมีธุรกิจที่รองรับกับสภาพสังคมในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้สูงอายุ การเตือนภัย กรณีมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ความเจ็บป่วย และอุบัติเหตุ รวมไปถึงสินค้าที่ช่วยในการรักษาสุขภาพและทำให้มีอายุยืนยาวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
2. สังคมสุขภาพ
ต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสุขภาพแบบสมบูรณ์แบบมากกว่าในปัจจุบัน คนจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ การซื้อ การจับจ่ายสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มมากขึ้น การทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้นมากไปกว่าการดูแลสุขภาพ นั่นคือ การเสริมสร้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาว รวมไปถึงการใช้บริการทางการแพทย์และเทคโนโลยีรวมไปถึงการศัลยกรรม เพื่อรักษาสุขภาพและความงามให้คงอยู่ ดังนั้นในอนาคตหากกำลังมองหาธุรกิจที่น่าสนใจหรือประยุกต์แนวทางธุรกิจ วางแผนธุรกิจที่รองรับกับสถานการณ์ในอนาคตนั้น การให้ความสนใจและธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
3. ความเป็นตัวของตัวเองของคนรุ่นใหม่
ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มต้นและอยากประสบความสำเร็จด้วยตนเองเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือ การเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตนเอง ด้วยแนวความคิด สินค้าและการลงมือทำด้วยตนเอง ไม่ต้องการเป็นลูกน้องใคร ความเป็นตัวของตัวเองนั้น แทบจะเป็นอัตลักษณ์ของคนรุ่นใหม่เลยก็ว่าได้ ดังนั้นธุรกิจในอนาคตอาจจะเป็นแนวธุรกิจที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดความเป็นตัวของตัวเอง การสร้างความเชื่อมั่น และแนวทางในการประกอบธุรกิจให้สำเร็จได้
4. การจัดการทางการเงินในรูปแบบใหม่
ในปัจจุบันนั้นคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจในเรื่องการจัดการทางการเงินเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการเงินเก็บในรูปแบบต่าง ๆ โดยที่ยังดำเนินวิถีชีวิตประจำวันอย่างปกติ คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักเละวางแผนทางการเงินเพิ่มมากขึ้น การจัดสรรเงินเพื่อใช้สำหรับชีวิตประจำวัน อาหารการกิน ความชอบ งานอดิเรก และการเดินทางท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้นการใช้เครื่องมือทางการเงินในรูปแบบต่าง ๆ ที่เห็นผล และมีผลตอบแทน น่าจะเป็นคำตอบของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี มากไปกว่าการออมเงินเพียงอย่างเดียว
5. ความสุขทางใจ
จากความเป็นตัวของตัวเองที่กล่าวมาแล้วในช่วงต้นนั้น ที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตของตัวเองในรูปแบบที่ตัวเองสนใจ การทำงานที่ตัวเองรัก การจัดสรรชีวิตประจำวันให้เหมาะสม ลงตัวกับทุกงานและกิจกรรมที่สนใจ มากไปกว่าการทำงานเพียงอย่างเดียว และในบางครั้งนั้นงานอาจจะไม่ใช่คำตอบของชีวิตเลยก็ว่าได้ คนรุ่นใหม่หลายคนจึงเน้นการทำให้ตัวเองมีความสุขทางใจ ความสุขในสิ่งที่รัก ความสุขในสิ่งที่ทำ มากไปกว่าการเข้าไปในระบบงาน การเป็นมนุษย์เงินเดือน และทำงานเพื่อองค์กรนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าจากตัวอย่างข้างต้นนั้น จะกลายเป็นสภาพสังคมในอนาคตที่ผู้คนมีวิถีในการดำเนินชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเป็นตัวของตัวเองเพิ่มมากขึ้น เน้นความสุขทางใจ และการใช้ชีวิตที่ช้าลง ดังนั้นนักธุรกิจ และผู้ที่มีความสนใจในการประกอบธุรกิจก็อาจจะมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป และต่อยอดแนวธุรกิจของตนเองในปัจจุบัน รวมไปถึงวางแผนรองรับกับสภาพสังคมที่เกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง
ก็ใช่หมด เทรนสุขภาพ เทรนเบบี้บูมเมอร์ เทรนอินเตอร์เน็ต
ถ้าให้เลือกแบบ…
ไม่ต้องมีทำเล ไม่ต้องเลือกฮวงจุ้ย
ทำเวลาไหนก็ได้ 24 ชม. ตามใจชอบ
ทำได้ทั่วโลกถ้าจะทำ
ไม่ต้องสต๊อกสินค้าเอง
ไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเว็บไซต์เอง
เทียบกับขายหมูปิ้ง ส้มตำ
ลงทุนวันละ 3000 ขายได้ 6-7 พัน กำไร 3-4 พันบาท
ไม่ต้องตากแดดร้อน ตากฝน ขายของ 4-6 ชม./วัน…
ไม่ยากและไม่ต้องมาก…เงินทุนไม่จำเป็นเท่าไรหรอก
ถ้าคิดว่ามีทุนหรือมีแค่รายจ่ายเดือนละ 5000
แล้วทำกำไรหลักหมื่นหลักแสนได้…
มีหลักการเลือกหลักๆอยู่ 3 ข้อพอ
มัวแต่คิดไม่เริ่มลงมือทำก็ไม่รวยหรอกครับ
แนะนำได้ทักเลยครับ หมดเปลือก
จากประสบการณ์ 10 กว่าปี