คนเรานั้นต้องการ แรงบันดาลใจ หรือแรงผลักดันให้กระทำสิ่งๆหนึ่งแตกต่างกัน บางคนต้องการหาแรงบันดาลใจในการทำงาน การเรียน การออกกำลังกาย การลดความอ้วน หรือด้านอื่นๆ แล้วแต่จุดมุ่งหมายว่าใครต้องการจะทำอะไร
ทั้งนี้ วิธีสร้างแรงบันดาลใจ ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปเช่นกัน อาทิ การกำหนดเป้าหมาย การพัฒนาตนเอง การกำหนดระยะเวลา เช่น ภายใน 2 เดือน การหาเพื่อนร่วมกิจกรรมด้วย เช่น การออกกำลังกาย การหาบุคคลที่เป็น Idol หรือบุคคลต้นแบบ ทุกคนต้องการความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แล้วความไม่สำเร็จล่ะ ? บางท่านบอกว่าอยากจะลืมๆอดีตที่เคยผิดหวังไปซะ ทั้งที่จริงๆแล้ว ความล้มเหลว ก็มีประโยชน์เหมือนกัน
ถ้าคิดง่ายๆ ลองคิดถึงนักกีฬาสิ คงไม่มีใครแข่งครั้งแรกแล้วได้แชมป์เลยจริงไหมล่ะ ทุกคน ต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะตอนฝึกซ้อมหรือแข่งจริง ล้วนย่อมมีทั้งแพ้และชนะ ไม่ต่างกัน หากเราวางมือตั้งแต่แพ้ในครั้งแรกคงไม่มีใครไปถึงเส้นชัยแน่นอน ดังนั้น วันนี้เรามารับรู้ การสร้างแรงบันดาลใจดีๆ อีกวิธีหนึ่งกันเถอะ
การสร้างแรงบันดาลใจที่ดี
1. ยอมรับ
ในโลกนี้ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิด ทุกคนต้องมาเรียนรู้ใหม่ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคุณผิดหวังนั่นเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น ถ้าคุณยอมรับตรงจุดนี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้น หากผิดหวังจริงๆ ความเจ็บปวดก็จะไม่ทำร้ายคุณมากเกินไป
2. ปรับแก้
บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น จนกว่าจะได้ทำสิ่งๆนั้นไปแล้ว และเมื่อรู้แล้ว ว่าปัญหาคืออะไร เราก็ใช้ปัญหานั้นเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองต่อไป เช่น ขาดทักษะ ความชำนาญในเรื่องนั้นๆ เราก็อาจไปอบรมหาความรู้ทางด้านวิชีพเพิ่ม หรือ เมื่อทำธุรกิจแล้วพบว่าเราไม่เก่งเรื่องการเงินเลย
ไม่มีการตรวจสอบเอกสาร จึงทำเอกสารบัญชีผิดพลาด เราก็ไปศึกษาเรื่องการทำบัญชี หรือหากเกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด คราวหน้าเราก็คิดตัดสินใจให้รอบคอบยิ่งขึ้น หรืออาจขอคำแนะนำ คำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้มากกว่าเราก็ได้ จะเห็นได้ว่า ข้อดีของการเจอปัญหา ก็คือเพื่อให้เราได้ปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
3. แพ้ได้แต่ต้องไม่นาน
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคนเรามีทั้งสมหวัง และผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น อย่าเสียเวลากับความซึมเศร้านานเกินไป ล้มแล้วต้องลุกให้ไว ความสำเร็จไม่มีที่ว่างไว้ให้กับ คนที่ล้มนาน
การนำความผิดหวัง หรือความพ่ายแพ้มาทบทวนนั้น ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจแบบง่ายๆ ให้เราประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ตามคำกล่าวที่ว่า
โดยท่าน ว.วชิรเมธี