หลายท่านคงเข้าใจดีว่า ธุรกิจส่วนตัวกับงานประจำนั้นแตกต่างกันอย่างไร งานประจำเป็นงานที่มั่นคง มีเงินเข้าทุกเดือน มีวันหยุด วันลา และสวัสดิการอีกมากมาย แต่ก็ตอบโจทย์เรื่องความร่ำรวยไม่ได้ หลายคนจึงเริ่มอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะอยากมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา อยากรวยเร็ว อยากเป็นเจ้านายตัวเอง และไม่ต้องรับความกดดันจากเจ้านาย
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราพร้อมที่จะทำธุรกิจส่วนตัวแล้วหรือยัง
หากคุณอยากทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่ ลองสำรวจตัวเองสักหน่อยว่าคุณมีคุณสมบัติที่พร้อมจะทำธุรกิจส่วนตัวแล้วหรือยัง หากคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ คงจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
- มีวิสัยทัศน์
ก็เหมือนกับเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆนั่นแหละค่ะ ตอนทำงานประจำคนที่คิดวิสัยทัศน์ของบริษัทก็คือ เจ้าของธุรกิจ ณ ตอนนี้เรามาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง (ถึงขนาดจะแตกต่างกันนิดหน่อยก็เถอะ!) ก็ต้องเป็นตัวเราที่คิดวิสัยทัศน์ ฟังดูเป็นทางการมากเลยใช่มั้ยคะ พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ การวางแผนอนาคตนั่นแหละค่ะ การคิดถึงอนาคตของธุรกิจตัวเองว่าอยากจะให้เป็นแบบไหน เป็นการกำหนดทิศทาง และเป้าหมายของธุรกิจ ซึ่งวิสัยทัศน์จะช่วยให้เรามีจุดมุ่งหมายในการทำงานค่ะ
- ชอบความท้าท้าย
การทำธุรกิจส่วนตัวจะต้องเจอเรื่องราวที่ไม่คาดฝันอยู่ตลอดเวลา อาจจะทำให้คุณตื่นเต้น ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้ตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆที่มีผลต่อชีวิต คุณอาจจะดีใจสุดขีด หรือบางเรื่องก็ทำให้กังวลจนนอนไม่หลับเลยทีเดียว หากคุณพร้อมที่จะเผชิญและอยากสนุกกับมัน นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณน่าจะทำธุรกิจได้ดี แต่อย่ากังวลไปค่ะ ความท้าทายไม่น่ากลัวหรอกเพียงแค่คุณมี “สติ” และ “ไม่ประมาท”
- มีความคิดสร้างสรรค์
ธุรกิจ…ถ้ามีความโดดเด่นก็มีโอกาสทำกำไรสูง ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องสินค้า แต่ความคิดสร้างสรรค์สามารถใช้ได้หมดทั้งการบริการ แพ็กเกจจิ้ง การขนส่งที่รวดเร็ว การอำนวยความสะดวก เป็นต้น สินค้าคุณอาจเป็นสิ่งที่หาจากไหนก็ได้ แต่คุณอาจจะมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่าง มีความประทับใจ มีบางสิ่งบางย่างที่เอาชนะใจลูกค้าได้ นั่นถือว่าเป็นสิ่งสุดยอดแล้วสำหรับธุรกิจ
- มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
แอดมินว่า ความคิดที่ว่าอยากมี ธุรกิจส่วนตัว ก็บอกได้แล้วแหละค่ะว่าคุณมีความความกล้าอยู่ แต่อาจจะยังขาดความมั่นใจหรือปัจจัยในการทำธุรกิจบางอย่าง ความเชื่อมั่นจะเป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นความคิดและการกระทำ เมื่อคุณเชื่อว่าตัวเองทำได้ คุณก็ชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถึงจะมีอุปสรรคแต่ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นว่าทำได้ก็ย่อมแก้ปัญหาได้
- ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์
การทำงานออฟฟิตคุณอาจอยู่ในตำแหน่งผู้ปฏิบัติงาน ส่วนคนที่คิดและแก้ปัญหาที่ใหญ่มากๆจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ CEO หรือ ส่วนมนุษย์เงินเดือนอย่างเราเต็มที่ก็แค่แก้ปัญหาเล็กๆน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับผู้บริหาร
แต่เมื่อเราเป็นเจ้าของธุรกิจซะเอง หน้าที่การคิด และการแก้ปัญหาทั้งหมดก็จะต้องอยู่ที่คุณ ตอนทำงานประจำเหนื่อยมากก็แค่ลาพักร้อนหรืออู้งาน แต่เมื่อเป็นเจ้าของกิจการแล้วจะทำแบบนั้นไม่ได้ จะโยนปัญหาไปให้ใครช่วยก็ไม่ได้ ฉะนั้นคุณจะต้องไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
- ต้องมองธุรกิจให้รอบคอบ และรอบด้าน
การทำธุรกิจ จะฝันหวานอย่างเดียวไม่ได้ คนส่วนใหญ่ชอบหลอกตัวเองว่าเมื่อลงมือทำแล้วต้องประสบความสำเร็จสิ! แต่ลืมไปว่าธุรกิจมีความไม่แน่นอนอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไร ต้องเตรียมแผนสำรองเสมอ และจะให้ดีควรเตรียมไว้หลายๆแผน (เผื่อแผนที่ 1 ใช้ไม่ได้)
- มีความรับผิดชอบสูง
การทำธุรกิจ หากเหนื่อยล้า จะทิ้งงานไปเฉยๆก็ไม่ได้ เพราะเมื่อขาดคุณก็ไม่มีใครมาทำแทน แม้แต่วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อาจยังต้องทำงานงาน จะไปเที่ยวก็ยังต้องหอบงานไปด้วย และคุณจะไม่สามารถทำตามใจได้ วันไหนอยากทำก็ทำ วันไหนอยากหยุดก็หยุดทั้งที่ยังลูกค้ารออยู่ ถ้าทำแบบนี้ต้องเกิดปัญหาตามมาแน่ๆ
- ความเป็นผู้นำ
ทักษะความเป็นผู้นำ สำคัญมากสำหรับคนเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณจะเปรียบเสมือนแม่ทัพ จะแพ้หรือชนะขึ้นอยู่กับคุณ คุณจะมีลูกน้องมากมาย คุณจะบริหารลูกน้องอย่างไร จะใช้เงินกับอำนาจ หรือจะทำอย่างที่หัวหน้าเคยทำกับคุณตอนที่ทำงานออฟฟิตมั้ย? การเป็นผู้นำที่ลูกน้องรักคือการมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกน้อง ไม่ใช่เอาแต่สั่งการแต่ไม่เห็นปัญหาภายใน การเป็นผู้นำต้องใช้คนให้ถูกกับงาน ใครถนัดอะไรส่งเสริมเค้าทำสิ่งนั้น ในขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาลูกน้องไปด้วย
- ต้องติดตามข่าวสาร
ธุรกิจ…คือสิ่งที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ ปัจจัยระดับชาติ!ที่กระทบโดยตรงคือ แนวโน้มทางเศรษฐกิจ และ การเมือง ถ้ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นคุณต้องคอยติดตามข่าวอยู่เสมอ ต้อง ใส่ใจรายละเอียดของทุกสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ (ยิ่งดี) สิ่งนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ และดำเนินธุรกิจได้ในระยะยาว