เข้าสู่ไตรมาสแรกของปี 2559 มาแล้ว แนวโน้มของธุรกิจจากนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้างเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง ธุรกิจใดยังได้รับความนิยมหรือเป็นดาวรุ่ง ธุรกิจใดบ้างเป็นธุรกิจดาวร่วง มีปัจจัยอะไรที่เกื้อหนุน หรือส่งผลกระทบกับธุรกิจต่างๆเหล่านี้บ้าง วันนี้แอดมินได้ยกตัวอย่างธุรกิจสำคัญๆมาแชร์ให้ฟังกันค่ะ
ธุรกิจ SME ดาวรุ่ง
ธุรกิจขนาดย่อม “คลินิกความสวยความงาม”
“ความงาม” เป็นทัศนคติหนึ่งเดียวที่ผู้หญิงมีเหมือนกันทุกคน หากจะพูดถึงธุรกิจความสวยความงาม ในอนาคตยังเรียกได้ว่ายังเป็นธุรกิจดาวรุ่งค้างฟ้าอีกหลายปี เพราะถึงแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ผู้หญิงไม่ว่าวัยไหนก็ยังคงรักสวยรักงาม มาดูกันว่าเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจขนาดย่อม “คลินิกความสวยความงาม” ทำกำไรเป็นที่น่าพอใจตลอดมา
- เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้มีนวัตกรรมการดูแลรูปร่างและใบหน้าแบบใหม่ออกมาอยู่เสมอ
- ธุรกิจความงาม มีข้อดีคือฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ยิ่งยุคนี้ไม่ได้จำกัดแค่ผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชาย(ไม่ว่าจะชายแท้หรือชายเทียม) ต่างก็ให้ความสนใจเรื่องรูปลักษณ์หน้าตามากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้น่าจับตามองนั้นเอง
- นอกจากนี้ลูกค้ายังมีหลายระดับตั้งแต่ ดารา ไฮโซเซเลบ คนมีหน้าที่การงานที่ต้องใช้หน้าตาเช่น แอร์โฮสเตส พริตตี้ พีอาร์ บุคคลทั่วไป และนักศึกษา
- เรื่องราคาไม่ว่าจะแพงแค่ไหน แต่เชื่อมั้ยคะว่าการจ่ายเงินเพื่อแลกกับใบหน้าที่ขาวใสและผิวพรรณดูอ่อนวัย เป็นค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าเต็มใจจ่ายมากที่สุด
ธุรกิจขนาดย่อมที่เกี่ยวกับ “การดูแลสุขภาพ”
ธุรกิจขนาดย่อมด้านสุขภาพได้รับความสนใจมากเพราะ คนในเมืองหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น บางคนไม่ได้ต้องการสุภาพดีเพียงอย่างเดียว แต่ออกกำลังกายสมัยนี้ยังมีหลายเหตุผล
- เพื่อเข้าสังคม เช่นการเล่น “กอล์ฟ” ที่นักธุรกิจส่วนใหญ่เล่นเพื่อพบปะสังสรรค์ คุยธุรกิจ และสร้างคอนเน็คชั่น กอล์ฟเป็นกีฬาระดับไฮเอ็น กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ
- การออกกำลังกายบางคนเล่นตามกระแส บางช่วงฮิตเล่นโยคะ บางช่วงเต้นแอโรบิค เป็นต้น
- นอกจากออกกำลังกายแล้ว เรื่องอาหารได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ที่บูมมากต้องยกให้ “อาหารคลีน” คืออาหารที่ผ่านการปรุงน้อย อาหารเหล่านี้จะสดสะอาดไม่ผ่านกระบวนการหมักดองหรือปรุงรสมากจนเกินไป เช่น เค็มจัดหรือหวานจัด ได้รับความนิยมในหมู่คนที่ต้องการลดความอ้วน
- กระแสการดูแลตัวเอง และการรักษาสุขภาพมีมากขึ้น
ธุรกิจ SME ดาวร่วง
ธุรกิจดาวร่วงจากการประเมิน ธุรกิจ SME แล้วส่วนใหญ่เกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ และการแก้ปัญหาไม่ทันท่วงที รวมถึงผู้ประกอบการ SME เองยังขาดทักษะความรู้ในการพัฒนาสินค้า รูปแบบการผลิต รูปแบบการแปรรูป และแพคเก็จจิ้ง จึงทำให้ธุรกิจไม่ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
ธุรกิจ SME สินค้าเกษตร
ปัญหาธุรกิจ SME ด้านการเกษตร ต้องบอกเลยว่าได้รับผลกระทบจากหลายด้านทั้ง
- ภัยแล้งภัยจากธรรมชาติ เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้
- ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะยางพาราซึ่งตอนนี้ (กุมภาพันธ์ 2559) น้ำยางลดลงเกือบ 4 กิโลร้อยแล้ว
- ตลอดส่งออกมีความต้องการผลผลิตที่ไม่แน่นอน เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวการส่งออกสินค้าเกษตรก็ถูกลดลงไปด้วย ซึ่งธุรกิจเกษตรเกินกว่าครึ่งเป็น SME จึงได้รับผลกระทบไปถ้วนหน้า
- เกิดปัญหาราคาสินค้าตกต่ำตามมา
- ผู้ประกอบการ SME ด้านการเกษตรยอมรับว่า เมื่อเกิดปัญหาพวกเค้าต้องการความช่วยเหลือที่รวดเร็วที่สุด เพราะไม่สามารถรอเหมือนธุรกิจอื่นๆได้ ไม่เช่นนั้นสินค้าจะเกิดความเสียหาย แต่การได้รับความช่วยเหลือจริงยังช้าอยู่
- ผู้ประกอบการ เก่งเรื่องการผลิต แต่ส่วนใหญ่ไม่เก่งเรื่องทำการตลาด การหาที่ระบายสินค้า รวมถึงการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาปรับใช้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญมากในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
ธุรกิจ SME การส่งออก
ถึงแม้ AEC จะเปิดแล้ว ซึ่งมันควรดูเหมือนว่าตลาดกระจายสินค้าของไทยโตขึ้นหลายเท่าตัว แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับตรงกันข้าม ต้องยอมรับว่าธุรกิจส่งออกยังน่าเป็นห่วงอยู่มาก การส่งออกซบเซาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 และคาดว่าจะยังเป็นอย่างนี้ไปอีกสักพักใหญ่ เพราะ
- ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบมาจากคู่ค้าของเราที่มีการชะลอสินค้านำเข้าเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศของคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัว
- นอกจากนี้สินค้าของไทยยังมีข้อจำกัดในเรื่องการส่งออกหลายเรื่อง เช่น คุณภาพของสินค้าและการผลิตไม่ได้มาตรฐาน การแทรกแซงของภาครัฐ มาตรการทางภาษี และอื่นๆอีกมาก ทำให้สินค้าไทยไม่สามารถส่งออกได้เต็มที่ ซึ่งหากจะเพิ่มขีดความสามารถการส่งออกได้ก็ต้องร่วมมือกันแก้ไขข้อจำกัดภายในประเทศให้ได้เสียก่อน