ในกระเเสโลกเเห่งยานยนต์ในปัจจุบันที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องระบบพลังงานในการขับเคลื่อนที่ประหยัดเเละสะอาด เรื่องของพลังงานไฟฟ้าจึงได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเราจะเห็นได้ชัดจากบรรดาเครื่องยนต์เเบบลูกครึ่งอย่างไฮบริดที่มีความสามารถเเละประหยัดสูง จนมีการพัฒนาเเบบก้าวหน้ามากขึ้นจนกลายมาเป็นเครื่องยนต์ไฟฟ้าเเบบเต็มรูปเเบบ โดยหัวหอกหัวที่เรารู้จักกันดีก็คือ เทสล่า เเละหลังจากที่เปิดตัวในตลาดโลกไปเเล้วสักพักก็ถึงเวลาที่ เทสล่าจะเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยบ้างเเล้ว โดยหนึ่งในหัวหอกที่เทสล่าส่งเข้ามาเจาะตลาดในประเทศไทยก็คือ เทสล่า โมเดล เอส ที่ได้เปิดตัวกันไปเเล้ว ซึ่งเเน่นอนว่ามันน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เเละน่าจะเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกของรถยนต์ในอนาคตที่เราอาจจะปฏิเสธไม่ได้อีกเเล้ว
Tesla Model S นั้นนับว่าเป็นรถยนต์ซีดานระดับสูงรุ่นใหญ่ที่มีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่ เเน่นอนว่ามันทำให้ราคาที่เปิดตัวออกมาในประเทศอาจจะสูงจนชนชั้นกลางอาจจะเอื้อมไม่ถึง เเต่มั่นใจได้เลยว่าอีกมันนานน่าจะมีรุ่นเล็กๆ ตามออกมาอีกเเน่นอน ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้นได้มีการก่อตั้ง บริษัท เทสลา ออโตโมทีฟ ซึ่งเเน่นอนว่าเป็นพันธมิตรกับ Tesla Motor เเละมีหน้าที่นำเข้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ มาจำหน่ายเเละทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง พร้อมทั้งมีการพัฒนาระบบรองรับการใช้งานต่างๆ ทั้งศูนย์บริการเเละสถานีในการชาร์ตพลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศ นับว่าเป็นการก้าวกระโดดที่สำคัญของวงการยานยนต์เมืองไทยเลยทีเดียว
เทสล่า โมเดล เอส ที่คาดว่าจะเข้ามาขายในประเทศไทยของเรานั้น คาดกันว่าจะมีสเปกที่น่าสนใจคือจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ที่สามารถรีดพลังออกมาได้ถึง 328 เเรงม้าเลยทีเดียว พร้อมกับเเรงบิดที่ 387 ฟุตปอนด์ โดยมันจะเป็นการขับเคลื่อนในเเบบสี่ล้อ ส่วนอัตราเร่งจะอยู่ที่ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียงเเค่ 5.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้อยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่เป็นสเปกของรุ่น เอส 70 ส่วนทางด้านของรุ่น เอส 90 ที่คาดว่าจะออกมาพร้อมๆ กันนั้นก็จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เช่นเดียวกัน เเต่จะสามารถให้พลังได้ถึง 417 เเรงม้าเลยทีเดียว เเละมีเเรงบิดที่ 485 ฟุตปอนด์ โดยมีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ที่ 4.2 วินาที เเละมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่รุ่นท๊อปที่สุดที่คาดว่าน่าจะนำเข้ามาจำหน่ายด้วยในไม่ช้านั้นจะเป็นใน โมเดล เอส พี90ดี ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวเช่นเดียวกัน โดยผลิตกำลังได้ 463 เเรงม้า พร้อมกับเเรงบิดที่ 713 ฟุตปอนด์ เเละมีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียงเเค่ 2.8 วินาทีเท่านั้นเอง
สำหรับสเปกอื่นๆ ของ Tesla Model S นั้นก็มีช่วงล่างที่เเข็งเเกร่งด้วยระบบกันสะเทือนในเเบบ Double wishbone ที่มีการทำงานในเเบบ virtual steer axis coil spring front suspension ผสานการทำงานกับ independent multi-link coil spring rear suspension ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความนิ่มอย่างมาก เเละเนื่องจากเสียงดังก็ไม่ค่อยมีจึงเป็นสัมผัสที่เลิศหรูอย่างมาก นอกจากนี้เเล้วยังมีระบบไฟฟ้าในเเบบ Electronic Stability Control พร้อมกับ Traction Control ทางด้านของระบบเบรกนั้นจะเป็นในเเบบ ABS ด้วย ventilated rotors เเละ electronically actuated parking brake โดยที่ด้านหน้าจะมีขนาด 355 mm x 32 mm ส่วนทางด้านหลังจะเป็นขนาด 365 mm x 28 mm พร้อมกันนี้ก็ยังมีเเผงแบตเตอรี่ที่เป็นเหมือนหัวใจของเทสล่า โดยจะเป็นในเเบบ เธียม-ไอออน ที่มีประจุ 85 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง โดยจะส่งผลให้ตัวรถยนต์มีพลังงานในการขับเคลื่อนได้ไกลกว่า 480 กิโลเมตรต่อการชาร์ตหนึ่งครั้งในกรณีที่ต้องชาร์ตเเบตให้เต็ม สำหรับไอเสียนั้นมีการปล่อยคาร์บอนมอนออกไซด์เป็น 0 เเละออฟชั่นที่เหมือนว่าจะโดดเด่นอย่างมากเลยอีกจุดก็คือ Auto Pilot ที่สามารถบังคับรถเข้าสู่ที่จอดรถได้ด้วยตัวเองอีกด้วย ถือว่าเป็นออฟชั่นสร้างความฮือฮาอย่างมาก ถึงจะไม่สามารถวิ่งได้เหมือนรถยนต์ของกูเกิลที่กำลังทดสอบอยู่ก็ตาม
รูปลักษณ์ภายนอกของ เทสล่า โมเดล เอส นั้นนับว่ามีการดีไซน์ที่สวยงามเเละโฉบเฉี่ยวไปด้วยเส้นสายที่มีความสวยงามเเละปราดเปรียว ด้วยการดีไซน์ในเเบบ Lightweight aluminum body พร้อมกับ boron steel elements โดยในส่วนของกระจกนั้นมีความพิเศษตรงที่มันจะเป็น UV and infrared blocking safety glass windshield เเถมตัวบอดี้ยังไม่เกาะน้ำอีกด้วยช่วยให้กรณีขับรถตากฝนนั้นจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อความเร็ว โดยในส่วนของหลังคาจะเป็นในเเบบ Aluminum roof พร้อมกับกรอบไฟที่สวยงามในเเบบ Xenon เเละมี LED daytime running lights โดยระบบไฟที่เหลือทั้งหมดนั้นจะเป็นเเบบ LED โดยมาพร้อมกับล้อในเเบบ 19″ aluminum alloy wheels with all-season tires นับว่าเป็นอีกหนึ่งในรถยนต์ที่มีความสวยงามล้ำสมัยอย่างมากเเละให้อารมณ์เเนวสปอร์ตอีกด้วย โดยจริงเเล้วคุณสามารถดีไซน์เลือกสีเเละรูปเเบบของล้อเเละหลังคาได้เองอีกด้วย โดยมีสีของตัวบอดี้มาให้เลือกทั้ง Solid Black, Solid White, Titanium Metallic, Midnight Silver Metallic, Obsidian Black Metallic, Deep Blue Metallic, Silver Metallic, Pearl White Multi-Coat เเละ Red Multi-Coat นับว่ามีสีสันที่สวยงามทุกสีเลยก็ว่าได้
สีต่างๆ
ทางด้านของภายในนั้นก็ต้องบอกเลยว่า Tesla Model S นั้นได้รับการออกเเบบมาให้มีความรู้สึกผสมผสานของอารมณ์สปอร์ตที่มีความหรูหราอย่างมาก เเถมมีออฟชั่นเสริมมากมายในเเบบรถยนต์ล้ำยุค โดยที่เบาะนั่งคู่หน้านั้นจะมีความพิเศษเพราะสามารถระบายความร้อน พร้อมกับมีการปรับอุณหภูมิเองเเบบอัตโนมัติอีกด้วย โดยมีแพ็คเกจ Premium Upgrade ที่จะมีวัสดุหนังในเเบบ Nappa และอัลคันทาร่า นอกจากนี้เเล้วในส่วนของพวงมาลัยนั้นคุณก็ยังสามารถที่จะเลือกได้ด้วยว่าจะเอาเเบบที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หรือไม่ นอกจากนี้เเล้วยังมีระบบฉีดน้ำอุ่นที่กระจกหน้าพร้อมกับใบปัดน้ำฝนอัตโนมัติอีกด้วย โดยระบบไฟนั้นจะเป็นในเเบบ LED โดยมีการตกเเต่งด้วยวัสดุอย่างไม้ที่สวยงามอย่างมาก โดยเป็นสไตล์ Dark Ash หรือ Figured Ash ตามเเต่ลูกค้าจะเลือก นอกจากนี้เเล้วยังมีระบบนำทาง พร้อมกล้องมองหลัง เเละมีระบบเชื่อมต่อบลูทูธและยูเอสบี โดยจะมีระบบอินโฟเทนเมนท์ที่แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 17 นิ้ว เลยทีเดียว เเละในส่วนของระบบกุญเเจนั้นก็จะเป็นในเเบบของ ระบบกุญแจรีย์เลส เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยเเละน่าสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนทางด้านของระบบปรับอากาศก็จะเป็นเเบบปรับอุณหภูมิเเบบอัตโนมัติอีกด้วย เเละมีระบบความบันเทิงที่ครบครันอย่างมาก ทางด้านเบาะหลังนั้นก็นั่งได้อย่างสบาย นับว่าห้องโดยสารออกเเบบมาได้อย่างโอ่อ่าเเละสะดวกสบายในการเดินทางอย่างมากเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักบริษัทเข้าของ Tesla Model S อย่าง เทสล่ามอเตอร์ เราก็จะขยายความกันซีกนิดว่าพวกเขาเป็นบริษัทของสหรัฐอเมริกา มีชื่อทางการค้าในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กว่า TSLA โดยเป็นบริษัทที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก เเละมีอัตราในการทำกำไรได้อย่างสูงเลยทีเดียว โดยพวกเขาเน้นในการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและส่วนประกอบของระบบส่งกำลังให้กับยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งจิรงๆ เเล้วพวกเขาเป็นผู้ผลิตทางด้านเเหล่งพลังงานโดยเฉพาะ แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ให้กับบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำอีกหลากหลายเเห่ง ทั้ง เดมเลอร์ และโตโยต้า รวมทั้งบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆ ที่เริ่มมีการใช้พลังงานไฟฟ้าเเล้ว พวกเขาก็ออกเเบบเเละส่งแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ให้ในการผลิตอีกด้วย จึงการเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านของพลังงานทางเลือกยุคใหม่ที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงๆ เเล้ว เเละมีการปรับปรุงในเรื่องของความจุของแบตที่จะให้กำลังได้สูงเเละยืนนานได้กว่านี้ รวมทั้งมียานพาหนะหลายๆ รูปเเบบที่เริ่มเข้ามาสู่ขั้นตอนการวิจัยในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าเเทนที่การใช้งานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นตัวก่อเกิดพลังขับเคลื่อน เเละในตลาดอเมริกานั้นก็ได้รับการยอมรับอย่างมาก พวกเขายังมีคู่เเข่งที่น่ากลัวในเรื่องพลังไฟฟ้าก็คือค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นที่เร่งวิจัยเเละพัฒนาอยู่เช่นกัน เเต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังตามหลังพวกเขาอยู่ไม่น้อย เเละคาดว่าเทคโนโลยีของเทสล่านั้นถือว่าล้ำยุคที่สุดในเวลานี้เเล้วที่สามารถออกสู่ตลาดผู้ใช้งานได้เเบบทั่วไป
เทสล่า โมเดล เอส นั้นเป็นหนึ่งในรุ่นของรถยนต์ที่พวกเขาผลิตขึ้นมา โดยก่อนหน้านี้นั้นพวกเขาสามารถผลิต เทสล่า โรดสเตอร์ รถสปอร์ตไฟฟ้าคันแรก สำเร็จเเละเปิดจำหน่ายไปเเล้ว โดยรุ่นถัดจาก โมเดล เอส นั้นจะเป็นในส่วนของ โมเดล 3 ที่เริ่มเปิดจำหน่ายไปเเล้วเมื่อเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ของเทสล่า โดยมียอดจองในอเมริการกว่า 325,000 คันไปเเล้ว เพราะมันมีราคาขายเพียงเเค่ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดไปเงินไทยก็ประมาณ 1,200,000 บาท – 1,500,000 บาทเท่านั้นเอง เเละคาดกันว่าอีกไม่นานก็น่าเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งเทสล่านั้นจะใช้วิธีในการจัดจำหน่ายเเบบตรงถึงลูกค้าเลยในอเมริกา ซึ่งอาจจะดูขัดกับการจัดจำหน่ายในประเทศไทย รวมทั้งข้อกฎหมายในการคิดภาษีอีกบางจุด เเต่ก็เชื่อได้ว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เเล้วเราจะได้เห็นระบบรถยนต์ไฟฟ้าเเบบสมบูรณ์ในประเทศไทยอย่างเเน่นอน